Ultraformer คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ช่วยยกกระชับได้นานถึง 1 ปี จริงไหม

อยากมีผิวสวยกระชับ ดูเต่งตึง ไม่มีริ้วรอยร่องลึกและความเหี่ยวย่นต่างๆ คอยกวนใจแต่ไม่อยากผ่าตัดยกกระชับ ไม่อยากฉีดสารสังเคราะห์ทั้งพวกโบท็อกซ์ (Botox) หรือฟิลเลอร์ (Filler) เข้าสู่ร่างกายทำได้หรือไม่? โจทย์งานผิวจะยากเพียงใดแต่นวัตกรรมยกกระชับผิวอย่าง Ultraformer ก็เอาอยู่ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อผิวยกกระชับ ลดริ้วรอยและกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ๆ ใต้ชั้นผิวได้อย่างดีเยี่ยมโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ภายในครั้งแรกที่ทำ สำหรับใครที่ต้องการยกกระชับผิวให้สวยหล่อดูมั่นใจมากขึ้นและกำลังมีแพลนทำ Ultraformer แต่ยังไม่มั่นใจว่า Ultraformer ดีจริงไหม ราคาเท่าไหร่ หลังทำ Ultraformer ช่วยคงผลลัพธ์ผิวยกกระชับได้นานถึง 1 ปี จริงไหม? มาดูทุกคำตอบไปพร้อมๆ กันได้ในบทความนี้จาก Linna Clinic (ลินนา คลินิก)

Table of Contents

Ultraformer คืออะไร?

Ultraformer (อัลตราฟอร์เมอร์) คือ เทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้ทรงวีเชฟ (V-shape) โดยไม่ต้องผ่าตัดด้วยการยิงคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงและมีความเฉพาะเจาะจงแบบ MMFU (Micro & Macro Focus Ultrasound) เข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังและสามารถลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนบนหรือผิวชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการยกกระชับของผิวหน้า โดยคลื่นพลังงานที่เข้มข้นและมีความเสถียรสูงจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่อุณหภูมิ 60-70 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เนื้อเยื่อเกิดการหดตัวและยกกระชับขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) รวมถึงเส้นใยอีลาสติน (Elastin) ใหม่ๆ ที่ใต้ชั้นผิวพร้อมสลายไขมันส่วนเกินได้ในหนึ่งเดียว จึงช่วยให้ผิวหน้ายกกระชับเต่งตึงมากขึ้น ปรับให้หน้าเรียวเล็กลงโดยไม่ต้องลงมีดผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นหลังการรักษา ปัจจุบันมีเครื่อง Ultraformer ที่ได้รับความนิยมจำนวน 2 รุ่น ได้แก่

  1. Ultraformer III ถือเป็นเครื่องยกกระชับผิวด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงเครื่องแรกๆ ที่ถอดแบบมาจากเครื่อง Ulthera มีหัวเครื่องให้เลือกใช้หลายแบบและช่วยแก้ไขปัญหาชั้นผิวได้ครอบคลุมหลากหลายระดับ หลังทำอยู่ได้นาน 4-6 เดือน
  2. Ultraformer MPT (Micro Pulsed Technology) เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากเครื่อง Ultraformer III เพื่อช่วยย่นระยะเวลาและเสริมประสิทธิภาพในการรักษาให้มีความชัดเจนมากขึ้น ด้วยการเพิ่มโหมดพลังงานแบบ MP Mode (Micro Pulse Mode) ที่มีลักษณะเป็นเส้นตรงทำให้พลังงานที่ปล่อยออกไปมีความเข้มข้นและเสถียรมากขึ้นพร้อมกับหัวยิงแบบวงกลม Ultra Boost เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้นโดยเฉพาะ หลังทำอยู่ได้นาน 6-9 เดือน

ทั้งนี้การตัดสินใจเลือกระหว่างเครื่อง Ultraformer III และ Ultraformer MPT ขึ้นอยู่ลักษณะปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข ผลลัพธ์ที่คาดหวังและงบประมาณของผู้เข้ารับบริการแต่ละบุคคล โดยสามารถขอรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้ดูแลประจำคลินิกเพื่อเลือกเครื่องยกกระชับผิวที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดและตอบโจทย์ความต้องการได้มากที่สุด

Ultraformer เหมาะกับใคร

  • ผู้มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวหน้าหลวมขาดความกระชับที่ต้องการปรับให้ผิวเต่งตึงมากขึ้นโดยไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากฉีดสารสังเคราะห์เข้าสู่ร่างกาย
  • ผู้มีปัญหาหน้าบานใหญ่ แก้มห้อยย้อย มีเหนียงใต้คาง กรอบหน้าไม่ชัดเจนและต้องการยกกระชับกรอบหน้าให้เรียวสวย หน้าเป็นทรง V-shape
  • ผู้มีปัญหาคิ้วตก หนังตาตก หางตาตกและรอยตีนกา
  • ผู้ที่มีริ้วรอยแบบลึกและแบบตื้นตามจุดต่างๆ ของใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว ริ้วรอยรองดวงตา ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก
  • ผู้ที่มีไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ทั่วร่างกายและต้องการกระชับสัดส่วนให้เล็กลง ทั้งบริเวณต้นแขน ใต้รักแร้ ต้นขา หน้าท้อง และสะโพก
  • ผู้ที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินใหม่ๆ ใต้ชั้นผิวเพื่อเสริมคุณภาพผิว (Skin Quality) ทำให้หน้าดูเด็กอยู่เสมอ

Ultraformer ควรทำกี่ช็อต กี่วันเห็นผล

การยกกระชับผิวด้วยเครื่อง Ultraformer ในแต่ละตำแหน่งมีจำนวนช็อตที่ต้องใช้เพื่อการรักษาแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการแต่ละคน โดยมีจำนวนช็อตเริ่มต้นในแต่ละตำแหน่ง ดังนี้

  • หน้าผาก ลดริ้วรอย รอยย่นหน้าผาก ประมาณ 150-300 ช็อต
  • รอบดวงตา ลดริ้วรอยรอบดวงตา รอยตีนกา ลดถุงใต้ตา ประมาณ 100-200 ช็อต
  • หน้าแก้ม ยกกระชับแก้ม ลดร่องแก้มลึก ประมาณ 300-500 ช็อต
  • คางและเหนียง ช่วยสลายไขมันส่วนเกิน ยกกระชับกรอบหน้าให้เรียวสวย ประมาณ 150-300 ช็อต
  • หน้าท้อง ลดไขมันหน้าท้อง กระชับรอบเอวให้เล็กลง ประมาณ 2,000-4,000 ช็อต
  • ยกกระชับต้นแขน ใต้รักแร้ ให้เรียวสวย ข้างละประมาณ 1,000-2,000 ช็อต
  • ยกกระชับต้นขา ให้เรียวเล็ก ลดเซลลูไลต์ ผิวเปลือกส้ม ข้างละ 1,000-2,000 ช็อต

หลังยกกระชับผิวด้วยเครื่อง Ultrafomer สามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเรื่องความยกกระชับ สัดส่วนดูเรียวเล็กลงได้ทันที 20% และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนภายใน 1-2 เดือน ทั้งนี้ผลการเปลี่ยนแปลงที่ได้ขึ้นอยู่กับระดับพลังงานที่ใช้เพื่อการรักษารวมไปจนถึงการดูแลตัวเองหลังทำ Ultraformer ของแต่ละบุคคล

Ultraformer ราคาเท่าไหร่

โดยทั่วไปการยกกระชับผิวด้วยเครื่อง Ultraformer มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 5,xxxx-1x,xxx บาท/ครั้ง ทั้งนี้ระดับราคาการทำ Ultraformer อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตที่ใช้รวมไปจนถึงราคาโปรโมชั่นในแต่ละช่วงเวลาของคลินิก อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงคลินิกเสริมความงามที่มีราคา Ultrafomer ถูกมากๆ เพราะเครื่องที่ใช้อาจไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายตามมา เช่น ผิวเบิร์นแดง แสบไหม้จนเกิดรอยแผลเป็นหรือทำให้หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว คิ้วตก เป็นต้น

Ultraformer อยู่ได้กี่เดือน

หลังยกกระชับผิวด้วยเครื่อง Ultraformer สามารถอยู่ได้นานประมาณ 5-6 เดือน และอาจอยู่ได้นานสูงสุดถึง 1 ปี หากปรับเพิ่มระดับพลังงานและจำนวนช็อตที่ใช้ให้มากขึ้น ทั้งนี้ระยะเวลาในการคงผลลัพธ์หลังการรักษาขึ้นอยู่กับอายุ สภาพผิวและการดูแลตัวเองหลังการยกกระชับผิวด้วยเครื่อง Ultraformer ของแต่ละคน   

ข้อห้ามหลังทำ Ultraformer

  • หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น งดทำทรีตเมนต์ สครับขัดผิวหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดการสัมผัส นวด กดหรือถูในบริเวณที่ทำ Ultraformer หากมีอาการตึงผิวหรือรู้สึกปวด สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้
  • งดทำหัตถการประเภทเลเซอร์ที่ทำให้เกิดความร้อนใต้ผิวเป็นเวลาอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัดเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เป็นประจำทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่เป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ เพื่อให้เซลล์ผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินได้อย่างเต็มที่

สรุป

Ultraformer เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม โดยใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงและมีความเฉพาะเจาะจงยิงเข้าสู่ชั้นผิวที่ระดับความลึกต่างๆ ได้ลึกที่สุดถึงผิวชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นให้เนื้อเยื่อหดตัวและยกกระชับผิวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หลังทำอยู่ได้นาน 5-6 เดือนและอยู่ได้นานมากสุดถึง 1 ปี โดยในปัจจุบันมีเครื่อง Ultraformer ที่ได้รับความนิยมหลักๆ 2 รุ่น ได้แก่ Ultraformer III และ Ultraformer MPT นอกจากนี้ในตลาดความงามยังมีเครื่องยกกระชับผิวยี่ห้ออื่นๆ ซึ่งอาศัยหลักการทำงานของคลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงและเปลี่ยนถ่ายเป็นพลังงานความร้อนที่ใต้ชั้นผิว เช่น เครื่อง Ulthera, Ultra V Hifu Plus, Ultra Max Lift, Smazlift, Lifthera, Hifu ฯลฯ ที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิว ความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ควรเลือกทำหัตถการยกกระชับผิวกับคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน เครื่องมือที่ใช้เป็นของแท้สามารถตรวจสอบได้ ดำเนินการรักษาโดยแพทย์ผู้ดูแลเฉพาะด้านที่มีประสบการณ์สูง สามารถประเมินปัญหาผิวอย่างละเอียดและวางแผนกำหนดตำแหน่งที่ต้องรักษารวมถึงจำนวนช็อตที่ต้องใช้อย่างเหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ผิวยกกระชับอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย  

Related Articles

แนะนำ 6 วิธีกระชับรูขุมขนแบบไว เห็นผลจริง แถมหน้าใสขึ้นด้วย

ปัญหารูขุมขนกว้างมักทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนและเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหรือหน้ามันได้ง่าย การกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้นจึงเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ได้ผลเร็วและเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน มาดู 5 วิธีที่ช่วยกระชับรูขุมขนแบบไว พร้อมเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวหน้า 1. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกด้วยโทนเนอร์ที่มีกรดซาลิไซลิก การทำความสะอาดรูขุมขนเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความมันและสิ่งสกปรกที่อุดตัน โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยละลายคราบมันและสิ่งสกปรกในรูขุมขน ลดการเกิดสิว และกระชับรูขุมขนเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง แนะนำให้ใช้หลังจากล้างหน้าเพื่อเตรียมผิวสำหรับการบำรุงขั้นถัดไป นอกจากนี้ยังควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30+ อย่างเป็นประจำ รวมทั้งระมัดระวังในเรื่องของการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA/BHA อีกด้วย เพราะอาจทำให้ผิวแห้งหรือเกิดการระคายเคืองได้ 2. มาสก์โคลนเพื่อดูดซับน้ำมันส่วนเกิน มาสก์โคลนช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูกระชับและผิวหน้าสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ควรใช้มาสก์โคลนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยปล่อยให้มาสก์โคลนแห้งบนผิวหน้า ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนี้มาสก์จะทำหน้าที่ดูดซับน้ำมันและสิ่งสกปรกจากผิวหน้าลงสู่ชั้นล่าง เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามาสก์แห้งและตึงผิว ควรล้างออกด้วยน้ำอุ่น การใช้มาส์กโคลนนั้น นอกจากจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าแล้ว ก็ยังช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น ลดความมันส่วนเกิน ช่วยกระชับรูขุมขน และทำให้ผิวหน้าดูสะอาดสดใสขึ้น 3. การใช้น้ำแข็งประคบผิวหน้าสำหรับการกระชับรูขุมขนทันที วิธีนี้ง่ายและได้ผลทันทีเมื่อคุณต้องการให้ผิวดูกระชับ โดยการนำผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งแล้วประคบเบา ๆ บนผิวหน้า น้ำแข็งจะช่วยหดตัวรูขุมขนชั่วคราว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ก่อนแต่งหน้าเพื่อช่วยให้เมคอัพติดทนนาน

Radiesse vs Sculptra เทียบกันแบบชัดๆ เลือกตัวไหนดีกว่ากัน

Radiesse vs Sculptra อันไหนดีกว่ากัน? ควรเลือกฉีดตัวไหน? เป็นคำถามที่ถูกถามเข้ามาเป็นประจำสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้อ่อนเยาว์กระชับ เรียบเนียนอยู่เสมอเพราะการดูแลผิวด้วย Radiesse และ Sculptra ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) มีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวได้อย่างล้ำลึกและคงผลลัพธ์ยาวนานมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์จึงทำให้ทั้ง 2 หัตถการนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ด้วยคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนและระยะเวลาในการคงผลลัพธ์ที่ดูคล้ายคลึงกันของ Radiesse vs Sculptra จึงอาจทำให้หลายคนเกิดความสงสัยได้ว่า Radiesse กับ Sculptra ต่างกันอย่างไร ควรเลือกทำแบบไหนดีกว่ากัน บทความนี้จากลินนา คลินิก (LINNA Clinic) จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Radiesse และ Sculptra กันให้มากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างผลลัพธ์การดูแลผิวที่ตรงใจได้มากที่สุด Table of Contents Radiesse คืออะไร Radiesse (เรเดียสซ์) คือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) ที่ใช้ส่วนประกอบสำคัญเป็นสาร Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ที่พบอยู่ในร่างกายของมนุษย์แค่เพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่ผลิตและพัฒนาโดย Merz Aesthetics ประเทศเยอรมนี

อยากฉีดโบท็อก (Botox) แต่กลัวเข็ม กลัวเจ็บ ทำอย่างไรดี

ก่อนทำหัตถการทุกครั้ง หมอจะทำการแปะยาชาหรือใช้น้ำแข็งช่วยประคบเย็นก่อนทำการฉีดทุกครั้ง รวมถึงเข็มที่ลินนาคลินิกเลือกใช้จะมีขนาดที่เล็กเป็นพิเศษ จึงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเท่ากับเข็มที่มีขนาดทั่วไปค่ะ หากใครที่มีความกลัวเข็มมากเป็นพิเศษก็สามารถขอทำการแปะยาชาก่อนได้เช่นกันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม  และเราเองมีการใช้ตัว Face Vibration เพื่อช่วยในการเบนความสนใจได้ด้วยเช่นกัน และยังมีตัวช่วยอื่นๆที่หมอสรุปไว้ให้ด้านล่างนี้ด้วยเช่นกันค่ะ นอกจากนั้นทางหากท่านใดมีความกังวลหรือไม่สบายใจตรงจุดไหนสามารถเข้ามาพูดคุยสอบถามรายละเอียดขั้นตอนการรักษากับหมอได้ที่ลินนาคลินิก (LINNA Clinic) ก่อนได้เลยนะคะ Table of Contents คนกลัวเข็มจัดการกับการกลัวอย่างไรดี การแก้ไขอาการกลัวเหล่านี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มที่ตัวเราเองได้เลยค่ะ มีวิธีการดังนี้ ปรับทัศนคติของตัวเองใหม่ การจัดลำดับความคิดของตัวเองให้ได้เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกเลยค่ะ ก่อนอื่นให้ปรับทัศนคติที่มีต่อสิ่งที่ตัวเองกลัว ยกตัวอย่าง เช่น การกลัวเข็ม โดยให้คิดว่าการเผชิญหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปสามารถทำได้โดยค่อย ๆ เอาตัวเองไปอยู่กับสิ่งๆนั้นให้มากขึ้นไม่ต้องทำในทันทีทันใดนะคะ ให้ค่อย ๆ ทำ เช่น ไปอยู่กับเพื่อนที่ทำมาแล้วสวยเราก็จะเริ่มซึมซับและปรับทัศนคติให้กลัวน้อยลงและมีความกล้ามากขึ้นที่จะทำค่ะ ตั้งสมาธิและผ่อนคลาย คนที่ไม่กล้า ผ่า ฉีดยา การตั้งสมาธิช่วยทำให้เราใจเย็นลงได้ แต่มันทำได้มากกว่านั้นค่ะ โดยการตั้งสมาธิกำหนดลมหายใจ เข้า-ออกจะช่วยให้จิตใจของเรานิ่งมากขึ้นค่ะ โดยคนเป็นโรคนี้ถ้าหากฝึกไปเรื่อย ๆ ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ก็จะสามารถ ควบคุมสติและควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้มากขึ้นค่ะ การเบี่ยงเบนความสนใจ หากกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้ให้พยายามคิดถึงสิ่งอื่นแทนค่ะโดยก่อนทำอาจจะแจ้งหมอของเราว่าให้ช่วยพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ในขณะที่ฉีดยาชา สมองจะได้คิดไปเรื่องอื่นไม่มาโฟกัสเรื่องนี้หรือขณะที่ทำให้ตัวเองหันหน้าไปมองทางอื่นเพื่อจะได้ไม่มองเห็นซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลมากเลยค่ะ ใช้ตัวยา Penthrox ช่วย

Scroll to Top