Thermage CPT คืออะไร

หลายคนอาจจะสงสัยว่า Thermage ที่คนชอบพูดถึงกันบ่อยๆ มันคืออะไรกันแน่นะ? วันนี้เราจะมาอธิบายให้ฟังว่าคืออะไรให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ

ข้อแรกเลย Thermage เป็นการยกกระชับใบหน้าและสลายไขมันถาวร ช่วยให้หน้าเรียวหรือช่วงตัวกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม และยังช่วยให้ผิวพรรณเนียนเรียบ กระชับเต่งตึง ลดริ้วรอยและเข้ารูปมากขึ้น จริงๆแล้ว Thermage ยังช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ยกกระชับผิวรอบดวงตา จากหางตาที่ตกก็จะทำให้ดูกระชับขึ้น ทำให้ดวงตาดูสดใสชวนมอง

Thermage เป็นกระบวนการรักษาแบบครั้งเดียว ประโยชน์ที่ผู้เข้ารับการรักษาได้รับคือททำปีละครั้งเท่านั้น ไม่ต้องเข้ามาทำบ่อยๆเนื่องจากอยู่ได้นานถึง 1 ปี เพราะใช้เทคโนโลยีความร้อนสูง Monopolar RF ซึ่งใช้ความถี่คลื่นวิทยุเพื่อสร้างความร้อนให้แก่ผิวหนัง ซึ่งจะไม่ใช่ RF ปกติ โดย Monopolar RF จะได้ประสิทธิภาพ 100% ช่วยสลายไขมันได้ถาวร คนไข้จะได้รับพลังงานถึงชั้นผิวที่ต้องการ 100% โดยความร้อนจะทำให้เส้นใยคอลลาเจนที่คลายตัวและยืดออกไปตามอายุนั้นกระชับตัวขึ้น ความร้อนยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ผิวของคุณหนาขึ้นและเรียบเนียนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

monopolar rf LINNA

Thermage เป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด ด้วยสถิติความปลอดภัยที่สูงถึง 99.8% โดยทั่วไปแล้ว อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจะไม่รุนแรง เช่น รอยแดง บวม รอยนูน รอยพอกแสบร้อนเล็ก ๆ ซึ่งเป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก อาการข้างเคียงส่วนใหญ่จะหายไปโดยไม่มีอาการแทรกซ้อนแต่อย่างใด

มาต่อกันที่ข้อที่สองเลยค่ะ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเหมาะกับการทำ Thermage?

ผู้ที่เหมาะแก่การทำ Thermage คือผิวหนังหย่อนคล้อย และสามารถทำได้กับทุกสภาพผิว ส่วนใหญ่คนที่เลือกทำ Thermage เพราะไม่คิดจะทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้าหรือตัว ตัวอย่างเช่น คุณแม่หลังตั้งครรภ์ หลังคลอดบุตร หลังผ่าตัดทำศัลยกรรม หรือผู้ที่ต้องการลดแก้ม Thermage จะช่วยให้หน้าเรียวเป็น V Shape ขึ้นเพราะช่วยสลายไขมันพร้อมยกกระชับได้ด้วย อยู่ได้นานถึง 1-2 ปีค่ะ

แล้วการทำ Thermage เจ็บมากไหม? อาจจะมีระคายเคืองได้บ้างตอนทำเพราะใช้ความร้อนสูงเพื่อเข้าไปสลายไขมันและยกกระชับ แต่ก่อนทำเราจะทายาชาชนิดครีมก่อนประมาน 2 ชม เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บจะรู้สึกแค่อุ่นๆ เพราะความร้อนนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยยกกระชับคอลลาเจนและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่เพื่อผลการรักษาสูงสุด แต่หลังจากการรักษาด้วย Thermage คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบาย ผิวอาจมีรอยแดงซึ่งจะหายไปเองภายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือผิวอาจบวมเล็กน้อย และอาการจะหายไปภายใน 1 วัน สามารถแต่งหน้าและบำรุงผิวได้ตามปกติทันทีภายหลังการรักษา สามารถกลับไปดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

แล้วทำเสร็จจะเห็นผลทันทีเลยไหม? เป็นคำถามที่คนถามเข้ามาบ่อยเราเลยจะพูดถึงผลลัพธ์หลังการทำ Thermage ให้ฟังค่ะ:

ทุกท่านที่ผ่านการรักษาด้วย Thermage จะมีคอลลาเจนที่สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น ระดับการเปลี่ยนแปลงจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่ดีขึ้นเล็กน้อยจนถึงดีขึ้นมาก

  • ระดับการดีขึ้นเล็กน้อย หมายถึง การที่เนื้อผิวยกกระชับและเต่งตึงขึ้นเล็กน้อย
  • ระดับดีขึ้นมาก หมายถึง ผิวยกกระชับเข้ารูปและสภาพผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

การรักษาจะให้ผลที่ดูเป็นธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงจะค่อยเป็นค่อยไป จะเห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ ประมาณ 6 เดือน ผลการรักษาจะให้ผลที่คงอยู่ได้นาน ผู้เข้ารับการรักษาด้วย Thermage ผลการรักษาอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี โดยระยะเวลาที่ผลคงอยู่จะขึ้นอยู่กับอายุ สภาพผิวและรูปแบบการใช้ชีวิตของคุณ การรักษาด้วย Thermage นั้นเหมือนกับการตั้งเวลาย้อนหลังให้กับผิวแต่ไม่ได้หยุดเวลา ซึ่งผลที่ได้หลังการรักษาด้วย Thermage มีดังนี้:

  • ใบหน้ายกกระชับและเรียวขึ้น
  • ริ้วรอยและร่องแก้มตื้นขึ้น
  • ผิวหน้าสดใส แลดูอ่อนเยาว์
  • ช่วยยกกระชับผิว และลดริ้วรอย
  • แก้ปัญหาคิ้วตก หนังตาตก และผิวเปลือกตาที่มีรอยย่น
  • ลดปัญหาผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย และเพิ่มความเรียบเนียน

LINNA Thermage CPT รีวิวจากผู้ทำจริง

แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรีเพียง Click ที่ลิ้งค์:

Related Articles

แนะนำ 6 วิธีกระชับรูขุมขนแบบไว เห็นผลจริง แถมหน้าใสขึ้นด้วย

ปัญหารูขุมขนกว้างมักทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนและเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหรือหน้ามันได้ง่าย การกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้นจึงเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ได้ผลเร็วและเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน มาดู 5 วิธีที่ช่วยกระชับรูขุมขนแบบไว พร้อมเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวหน้า 1. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกด้วยโทนเนอร์ที่มีกรดซาลิไซลิก การทำความสะอาดรูขุมขนเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความมันและสิ่งสกปรกที่อุดตัน โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยละลายคราบมันและสิ่งสกปรกในรูขุมขน ลดการเกิดสิว และกระชับรูขุมขนเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง แนะนำให้ใช้หลังจากล้างหน้าเพื่อเตรียมผิวสำหรับการบำรุงขั้นถัดไป นอกจากนี้ยังควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30+ อย่างเป็นประจำ รวมทั้งระมัดระวังในเรื่องของการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA/BHA อีกด้วย เพราะอาจทำให้ผิวแห้งหรือเกิดการระคายเคืองได้ 2. มาสก์โคลนเพื่อดูดซับน้ำมันส่วนเกิน มาสก์โคลนช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูกระชับและผิวหน้าสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ควรใช้มาสก์โคลนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยปล่อยให้มาสก์โคลนแห้งบนผิวหน้า ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนี้มาสก์จะทำหน้าที่ดูดซับน้ำมันและสิ่งสกปรกจากผิวหน้าลงสู่ชั้นล่าง เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามาสก์แห้งและตึงผิว ควรล้างออกด้วยน้ำอุ่น การใช้มาส์กโคลนนั้น นอกจากจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าแล้ว ก็ยังช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น ลดความมันส่วนเกิน ช่วยกระชับรูขุมขน และทำให้ผิวหน้าดูสะอาดสดใสขึ้น 3. การใช้น้ำแข็งประคบผิวหน้าสำหรับการกระชับรูขุมขนทันที วิธีนี้ง่ายและได้ผลทันทีเมื่อคุณต้องการให้ผิวดูกระชับ โดยการนำผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งแล้วประคบเบา ๆ บนผิวหน้า น้ำแข็งจะช่วยหดตัวรูขุมขนชั่วคราว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ก่อนแต่งหน้าเพื่อช่วยให้เมคอัพติดทนนาน

Ultraformer คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ช่วยยกกระชับได้นานถึง 1 ปี จริงไหม

อยากมีผิวสวยกระชับ ดูเต่งตึง ไม่มีริ้วรอยร่องลึกและความเหี่ยวย่นต่างๆ คอยกวนใจแต่ไม่อยากผ่าตัดยกกระชับ ไม่อยากฉีดสารสังเคราะห์ทั้งพวกโบท็อกซ์ (Botox) หรือฟิลเลอร์ (Filler) เข้าสู่ร่างกายทำได้หรือไม่? โจทย์งานผิวจะยากเพียงใดแต่นวัตกรรมยกกระชับผิวอย่าง Ultraformer ก็เอาอยู่ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อผิวยกกระชับ ลดริ้วรอยและกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ๆ ใต้ชั้นผิวได้อย่างดีเยี่ยมโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ภายในครั้งแรกที่ทำ สำหรับใครที่ต้องการยกกระชับผิวให้สวยหล่อดูมั่นใจมากขึ้นและกำลังมีแพลนทำ Ultraformer แต่ยังไม่มั่นใจว่า Ultraformer ดีจริงไหม ราคาเท่าไหร่ หลังทำ Ultraformer ช่วยคงผลลัพธ์ผิวยกกระชับได้นานถึง 1 ปี จริงไหม? มาดูทุกคำตอบไปพร้อมๆ กันได้ในบทความนี้จาก Linna Clinic (ลินนา คลินิก) Table of Contents Ultraformer คืออะไร? Ultraformer (อัลตราฟอร์เมอร์) คือ เทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้ทรงวีเชฟ (V-shape) โดยไม่ต้องผ่าตัดด้วยการยิงคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงและมีความเฉพาะเจาะจงแบบ MMFU (Micro & Macro Focus Ultrasound) เข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังและสามารถลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนบนหรือผิวชั้น SMAS (Superficial Muscular

Radiesse vs Sculptra เทียบกันแบบชัดๆ เลือกตัวไหนดีกว่ากัน

Radiesse vs Sculptra อันไหนดีกว่ากัน? ควรเลือกฉีดตัวไหน? เป็นคำถามที่ถูกถามเข้ามาเป็นประจำสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้อ่อนเยาว์กระชับ เรียบเนียนอยู่เสมอเพราะการดูแลผิวด้วย Radiesse และ Sculptra ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) มีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวได้อย่างล้ำลึกและคงผลลัพธ์ยาวนานมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์จึงทำให้ทั้ง 2 หัตถการนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ด้วยคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนและระยะเวลาในการคงผลลัพธ์ที่ดูคล้ายคลึงกันของ Radiesse vs Sculptra จึงอาจทำให้หลายคนเกิดความสงสัยได้ว่า Radiesse กับ Sculptra ต่างกันอย่างไร ควรเลือกทำแบบไหนดีกว่ากัน บทความนี้จากลินนา คลินิก (LINNA Clinic) จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Radiesse และ Sculptra กันให้มากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างผลลัพธ์การดูแลผิวที่ตรงใจได้มากที่สุด Table of Contents Radiesse คืออะไร Radiesse (เรเดียสซ์) คือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) ที่ใช้ส่วนประกอบสำคัญเป็นสาร Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ที่พบอยู่ในร่างกายของมนุษย์แค่เพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่ผลิตและพัฒนาโดย Merz Aesthetics ประเทศเยอรมนี

Scroll to Top