รวมคำถาม Juvelook ดีจริงไหม หลักการทำงานของ Juvelook ฉีดจุดไหนได้บ้าง

Juvelook นวัตกรรมใหม่ของการฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ช่วยปรับผิวให้แข็งแรงได้จากภายในเพื่อเปล่งประกายความงามสู่ภายนอก จะดีกว่าไหมหากเราสามารถเติมเต็มและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ๆ ที่ใต้ชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนมากกว่าการใช้สกินแคร์หรือครีมทาหน้ารูปแบบทั่วไป สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับและต้องการฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน เต่งตึง เผยผิวกระจ่างใสสุขภาพดี ลินนา คลินิก (Linna Clinic) ขอนำเสนอ Juvelook (จูวีลุค) คอลลาเจนบูสเตอร์ตัวดังจากเกาหลีใต้ Juvelook คืออะไร Juvelook ดีจริงไหม Juvelook ราคาเท่าไหร่ ใช้ฉีดจุดไหนได้บ้าง? มาดูคำตอบไปพร้อมๆ กันได้เลย

Table of Contents

Juvelook คืออะไร

Juvelook (จูวีลุค) คือ คอลลาเจนบูสเตอร์หรือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) แบรนด์ดังส่งตรงจากประเทศเกาหลีใต้ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติอันแสนโดดเด่นด้วยการเป็นคอลลาเจนบูสเตอร์ไฮบริด (Hybrid) ผสานสารสำคัญถึง 2 ชนิดช่วยสร้างผลลัพธ์การดูแลผิวได้แบบ 2in1 ได้แก่ กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid: HA) และกรดโพลิแลกติก PDLLA (Poly D, L-Lactic Acid) มีขนาดอนุภาคตั้งแต่ 10-40 ไมโครเมตร ช่วยเสริมพลังฟื้นบำรุงผิวได้อย่างดีเยี่ยมด้วยการเติมปริมาตรผิวให้เต่งตึง อิ่มฟูได้ทันทีหลังการรักษาพร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินใหม่ๆ ตามกระบวนการธรรมชาติที่ใต้ชั้นผิวได้อย่างยาวนานถึง 24 เดือน และสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทำให้เกิดการตกค้างสะสมภายในร่างกาย ปัจจุบัน Juvelook เป็นคอลลาเจนบูสเตอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยทั้งจาก FDA, CE, KFDA และมาตรฐาน อย. ประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย (ข้อมูลปี 2567)

Juvelook ดีจริงไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

Juvelook นับเป็น Biostimulator ที่มีประสิทธิภาพในการดูแลและฟื้นบำรุงผิวได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งส่วนผสมสำคัญที่ช่วยดูแลปัญหาผิวถึง 2 ชนิด ได้แก่ ไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) และอนุภาค PDLLA ที่ช่วยเพิ่มวอลลุ่มผิวได้ทันทีหลังฉีดและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรวมถึงเส้นใยอีลาสตินได้อย่างเป็นธรรมชาตินานถึง 1.5 ปี นอกจากนี้ Juvelook ยังมีส่วนช่วยในการดูแลผิวด้านอื่นๆ ได้อย่างครบครัน

  • ส่วนผสมของไฮยาลูรอนิกช่วยเติมเต็มปริมาตรผิวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวมีวอลลุ่มดูสุขภาพดี
  • อนุภาค PDLLA ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญใน Juvelook ช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินใต้ชั้นผิวตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิว ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ได้ยาวนาน
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยพับตามส่วนต่างๆ บนใบหน้าให้ดูจางลง
  • ช่วยปรับผิวให้กระชับเรียบเนียน ลดปัญหารอยหลุมสิว รูขุมขนกว้าง
  • ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งเสียหยาบกร้าน
  • ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ผิวสว่างกระจ่างใส

หลักการทำงานของ Juvelook

หลักการทำงานของ Juvelook เมื่อฉีดลงใต้ชั้นผิวแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ เติมเต็มและเพิ่มปริมาตรผิวได้อย่างรวดเร็วของไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถเห็นผลลัพธ์เรื่องผิวเรียบเนียน เต่งตึง ริ้วรอยเล็กๆ ดูจางลง ผิวดูอิ่มฟูขึ้นได้ทันทีหลังฉีดและเมื่อผ่านไปประมาณ 2-4 สัปดาห์ไฮยาลูรอนิกแอซิดจะเริ่มสลายตัวไปอย่างช้าๆ ในขณะเดียวกันอนุภาคของ PDLLA จะเริ่มกระตุ้นการสร้างไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ที่มีบทบาทสำคัญต่อการผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินของผิวตามธรรมชาติ ช่วยปรับเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างชั้นผิวจากภายในสู่ภายนอก ทำให้ผิวเฟิร์มแน่น ยกกระชับและจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนในช่วง 1-3 เดือนหลังฉีด Juvelook

Juvelook ฉีดจุดไหนได้บ้าง

Juvelook เป็นคอลลาเจนบูสเตอร์ที่มีอนุภาคขนาดเล็กเมื่อฉีดลงสู่ชั้นผิวจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ไม่จับตัวเป็นก้อนแข็ง จึงสามารถฉีด Juvelook เพื่อช่วยเติมเต็มและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน เส้นใยอีลาสติน ใต้ชั้นผิวได้หลายบริเวณ ได้แก่

  • ฉีด Juvelook รอบดวงตา ทั้งบริเวณหนังตาล่าง ร่องน้ำตาและรอยตีนกา
  • ฉีด Juvelook ที่บริเวณหน้าผาก ริ้วรอยตื้นๆ
  • ฉีด Juvelook บริเวณผิวหน้า
  • ฉีด Juvelook บริเวณใต้ตา
  • ฉีด Juvelook บริเวณลำคอ ช่วยให้คอดูกระชับ เต่งตึงมากขึ้น
  • ฉีด Juvelook บริเวณเนินอก
  • ฉีด Juvelook บริเวณข้อศอก ข้อพับ หัวเข่า

Juvelook ต้องฉีดกี่ครั้ง อยู่ได้นานเท่าไหร่

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มฉีด Juvelook เป็นครั้งแรกแพทย์จะแนะนำให้ฉีดต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกัน 1 เดือน และหลังจากนั้นสามารถลดความถี่เป็นการฉีด 1 ครั้งทุกๆ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล หลังการฉีด Juvelook อย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์สามารถคงผลลัพธ์การดูแลผิวได้นานตั้งแต่ 1.5 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการแต่ละรายบุคคล  

Juvelook ราคาเท่าไหร่

โดยทั่วไป Juvelook มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 18,000-25,000 บาท/ขวด (ตัวยา 6-8 cc) ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายสำหรับการฉีด Juvelook ต่อครั้งอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่บริเวณที่ฉีดและตัวยาที่ใช้ ผู้เข้ารับบริการควรศึกษาข้อมูลและหาราคามาตรฐานของ Juvelook เพื่อการเลือกคลินิกฉีด Juvelook ที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรเลือกฉีด Juvelook ที่มีราคาต่ำกว่าราคาตลาดมากๆ เพราะอาจเสี่ยงต่อการเจอตัวยาปลอมที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานหรือผู้ที่ฉีดไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำให้เกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาได้

สรุป

Juvelook คอลลาเจนบูสเตอร์ชนิดไฮบริด ด้วยการใช้สารสำคัญในการฟื้นบำรุงผิวถึง 2 ชนิด ได้แก่ กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid: HA) และกรดโพลิแลกติก (Poly-D-Lactic Acid : PDLLA) ช่วยเติมเต็มและเพิ่มปริมาตรผิวได้ทันทีหลังฉีดพร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินของผิวตามกระบวนการธรรมชาติภายใน 2-4 สัปดาห์ และไม่ทำให้เกิดการป็นก้อน สามารถเข้ากับผิวของคนได้ดีหลังฉีดรอยตุ้นจะได้หายไม่เกิน 24 ชั่วโมง ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนกระชับ แลดูสุขภาพดีและช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังได้ยาวนานถึง1.5 ปี สามารถฉีด Juvelook ได้หลายตำแหน่งทั่วทั้งใบหน้า ผิวรอบดวงตา ลำคอ สนใจฉีด Juvelook ตัวยาแท้จากประเทศเกาหลี สามารถติดต่อเข้ามาที่ ลินนา คลินิก (LINNA Clinic) เพื่อปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประเมินสภาพผิวหรือจองคิวเข้ารับการรักษาได้เลยค่ะ 

Related Articles

ฉีดวิตามินผิว กับ ดริปวิตามินผิว ต่างกันอย่างไร อันตรายไหม กี่ครั้งเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน

ปัจจุบันที่เราต้องเผชิญกับ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลกับสุขภาพผิวของเราแทบทั้งสิ้น อีกทั้งอาหารที่เรารับประทานในแต่ละวันก็อาจทำให้เราไม่ได้รับวิตามินในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย ก็อาจทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ ดูไม่มีชีวิตชีวา การเสริมด้วยวิตามินเข้มข้น ก็จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นมาได้ Table of Contents ดริปวิตามิน (Vitamin Drip) คืออะไร การดริปวิตามิน (Vitamin Drip) ก็คือ วิธีการให้อาหารเสริมในรูปแบบวิตามินและแร่ธาตุผ่านทางหลอดเลือดดำ (Intravenous Therapy) โดยการผสมวิตามินเข้ากับน้ำเกลือ และส่งเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงผ่านสาย IV วิธีนี้ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารในปริมาณที่เข้มข้น และสามารถดูดซึมได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยในระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งวิตามินที่ได้รับนั้น ยังมีปริมาณที่มากกว่า เมื่อเทียบกับการกินวิตามิน เพราะการกินวิตามินอาจถูกจำกัดหรือสูญเสียวิตามินบางส่วนไป ผ่านการดูดซึมของลำไส้ นอกจากนี้ การดริปวิตามินยังให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่า ทำให้ร่างกายที่อ่อนล้านั้น ได้รับการฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ฉีดวิตามินผิว กับ ดริปวิตามิน (Vitamin Drip) ต่างกันอย่างไร การฉีดวิตามินผิว และ ดริปวิตามิน (Vitamin Drip) นั้น ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการฟื้นฟูและเพิ่มความเปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาให้แก่ให้ผิว แต่มีความแตกต่างในกระบวนการและผลลัพธ์ที่ได้ การฉีดวิตามินผิวจะเป็นการการฉีดวิตามินในปริมาณที่กำหนดเข้าสู่หลอดเลือดดำผ่านไซริงค์ โดยแพทย์จะเป็นผู้ทำการฉีดให้ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญสูง ทำให้มีความเสี่ยงหากมีการผลักตัวยาเร็วเกินไป

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Exosome อัปเดตข้อมูล Exosome ปี 2024

Exosome สกินบูสเตอร์ตัวดังที่ยังคงกระแสมาแรงอย่างต่อเนื่องด้วยคุณสมบัติอันแสนโดดเด่นของ Exosome ที่ตัวยามีค่าความบริสุทธิ์สูงและมีอนุภาคขนาดเล็กเพียง 30-150 nm. ซึ่งภายในอัดแน่นไปด้วยสารชีวโมเลกุลที่จำเป็นต่อผิวมากกว่า 1,000 ชนิด การทำ Exosome หรือ Exosome Treatment จึงเป็นหัตถการที่ช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างล้ำลึก ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงและอ่อนเยาว์มากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณเป็นเจ้าของผิวสวยดูเปล่งปลั่งราวกับกระจก (Glass Skin) ที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน Exosome ช่วยเรื่องอะไร? Exosome เหมือนกับ Stem Cell ไหม อันตรายหรือเปล่า บทความนี้จาก LINNA Clinic ชวนไขข้อสงสัยทุกคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Exosome ฉบับอัปเดตปี 2024 Table of Contents Exosome ช่วยเรื่องอะไร ตัวยา Exosome ที่สกัดได้จากเซลล์ต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตอัดแน่นด้วยสารชีวโมเลกุลรวมกว่า 1,000 ชนิด เช่น Amino acids, Nucleic acids, Hyaluronic acid (HA) Growth

Exosome กู้ผิวโทรมได้จริงหรือแค่กระแส ทำ Exosome อันตรายไหม?

เทรนด์ผิวสวยในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงการเป็นเจ้าของผิวขาวใส มีออร่า แต่เป็นการมีคุณภาพผิว (Skin Quality) ที่ดูดีจากภายในสู่ภายนอก หากใครที่กำลังมองหาวิธีปรับหน้าโทรมให้กลายเป็นหน้าใส คืนความยืดหยุ่นชุ่มชื้นให้ผิวแข็งแรงได้อย่างล้ำลึกจากภายในต้องไม่พลาด Exosome สกินบูสเตอร์ตัวดังที่สามารถตรงเข้าฟื้นฟูเซลล์ผิวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ Exosome คืออะไร? ดีจริงไหม ทำ Exosome อันตรายหรือเปล่า พร้อมวิธีดูแลตัวเองหลังทำ Exosome ดูคำตอบได้ในบทความนี้จาก LINNA Clinic Table of Contents Exosome คืออะไร Exosome (อ่านว่า เอ็กโซโซม) คือ นวัตกรรมใหม่ของการฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วยการใช้ Exosome ซึ่งสกัดแยกจากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ของสิ่งมีชีวิตด้วยเทคโนโลยี mRNA ทำให้ได้ Exosome บริสุทธิ์สูงและมีลักษณะเป็นถุงทรงกลมขนาดเล็ก 30-150 nm. ภายในอัดแน่นไปด้วยสารชีวโมเลกุลที่จำเป็นต่อกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวตลอดไปจนถึงช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน (Collagen) และเส้นใยอีลาสติน (Elastin) ใหม่ๆ ตามธรรมชาติของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันจึงนิยมทำ Exosome หรือที่เรียกว่าการทำ Exosome Treatment ตามจุดต่างๆ ทั่วใบหน้าเพื่อช่วยปรับปรุงและบำรุงผิวให้ดูเปล่งปลั่ง

Scroll to Top