HIFU กับ Botox เลือกทำอะไรดี

เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมักจะมีความกังวลเกี่ยวกับความหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้า และพยายามแสวงหาวิธีการเพื่อดูแลผิวหน้าให้ตึงกระชับ หมดปัญหาเรื่องริ้วรอยที่ทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งการทำ HIFU กับ Botox ถือว่าเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาได้ดีที่สุด

การแก้ปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยด้วยวิธีการทำ HIFU หรือ Botox ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเพื่อความงามที่แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน แต่หลายคนที่สนใจและต้องการยกกระชับผิวหน้าด้วยวิธีเหล่านี้ อาจจะยังรู้สึกลังเลและตัดสินใจไม่ถูกว่าควรเลือกแบบไหนดี ดังนั้นเราต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนว่าการยกกระชับใบหน้าทั้งสองวิธีนั้นมีแบบไหนบ้าง และ มีข้อดีและข้อด้อยแตกต่างกันอย่างไร

สารบัญ

HIFU กับ Botox เลือกทำอะไรดี

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Botox มีการใช้งานได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น ฉีดเพื่อลดริ้วรอย ตีนกา หรือ ฉีดกระชับผิวด้วย Botox Lifting และ ฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อกราม เพื่อให้หน้าเรียวขึ้น ในระหว่างที่ HIFU จะเน้นไปทางด้านการยกกระชับผิวทำให้หน้าดูเรียวและตึงขึ้น

HIFU คืออะไรและข้อดีข้อเสีย

HIFU เป็นการยกกระชับใบหน้าเพื่อลดเลือนริ้วรอย ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวทำให้กลับมาตึงอีกครั้ง ด้วยการใช้ความร้อนจากคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่มีพลังงานความถี่สูงซึ่งความร้อนนี้จะไม่เป็นอันตรายและไม่ก่อให้เกิดอาการแสบหรือรอยไหม้ที่ผิวหนังของเราได้ แต่สามารถปล่อยคลื่นพลังงานให้โฟกัสเฉพาะจุด เพื่อเน้นบริเวณเนื้อเยื่อผิวหนังที่หย่อนยานมีการฟื้นฟูโดยการหดตัว ทำให้ผิวยกกระชับและดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

ข้อดีของการยกกระชับใบหน้าด้วย HIFU

ข้อดีของวิธีนี้ก็คือไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว และไม่ก่อให้เกิดรอยแผลเป็น อีกทั้งยังเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็วโดยระยะเวลาของการรักษาในแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 10-20นาที หลังทำเสร็จแล้วไม่ต้องพักฟื้นและสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติการทำ HIFU จะเน้นการกระชับผิวและเพิ่มความเนียนนุ่มให้กับผิวเป็นพิเศษ ความพิเศษของ LINNA HIFU คือหัวที่เป็นแบบ Single Shot ทำให้สามารถออกแบบใบหน้าได้แม่นยำมากขึ้น มากกว่าที่เป็นหัวใหญ่ๆเพราะไม่สามารถเข้าไปในช่องแคบๆบนใบหน้าได้ และไม่เจ็บไม่ต้องแปะยาชา แถมยังได้รับพลังงานเท่ากับหัวแท่นใหญ่ๆ

ข้อเสียของการยกกระชับใบหน้าด้วย HIFU

ข้อเสียของการทำ HIFU คืออาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นอาจจะต้องทำการรักษาอย่างน้อย 1 – 2 ครั้งต่อปี โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ไม่ออกฤทธิ์ที่กล้ามเนื้อ ถ้าริ้วรอยที่เกิดขึ้นเกิดจากการขยับของมัดกล้ามเนื้อมากๆ

Botox คืออะไรและข้อดีข้อเสีย

โบท็อกซ์ (Botox) คือสารจากธรรมชาติที่มีลักษณะเป็นโปรตีนบริสุทธิ์โดยสกัดจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ซึ่งสารสกัดเหล่านี้สามารถนำมาฉีดบริเวณใบหน้าเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ได้หลายจุดเช่น ฉีดตรงแนวขากรรไกรและแก้มในการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวแบบวีเชฟหรือฉีดเพื่อฟื้นฟูผิวด้วยการฉีด Botox ร่วมกับคอลลาเจนซึ่งจะฉีดตรงริ้วรอยที่แสดงอารมณ์บนใบหน้าเพื่อลดริ้วรอยตีนกาและร่องแก้มทำให้ดูอ่อนวัยกว่าเดิม

ข้อดีของการฉีด Botox

  1. เพื่อลดรอยเหี่ยวย่นที่ทำให้ดูแก่กว่าวัย เช่น รอยตีนการ่องระหว่างคิ้ว และการฉีดบริเวณหน้าผากเมื่อฉีดแล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้นานกว่าส่วนอื่นๆ
  2. การฉีดเพื่อยกกระชับผิวหน้าให้ตึงขึ้นส่งผลให้ใบหน้าเต่งตึงแลดูเยาว์วัย
  3. การฉีดเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณกรามจะทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
  4. การฉีด Botox บริเวณคอ เพื่อช่วยลดรอยเหี่ยวย่นหรือรอยปล้องๆ ที่ลำคอ
  5. การฉีด Botox สามารถแก้ปัญหาเฉพาะจุดได้เกือบทุกบริเวณภายในร่างกาย
  6. การฉีด Botox ใช้เวลาเพียง 5 – 10 นาทีต่อจุด และเมื่อฉีดเสร็จแล้วก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีโดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหรือนอนในโรงพยาบาล
  7. การฉีด Botox จะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนภายในเวลา 1 สัปดาห์
  8. การฉีด Botox Lifting ราคาไม่แพงถ้าเทียบกับการทำ HIFU หรือ Thermage

ข้อเสียของการฉีด Botox

สำหรับข้อเสียในการฉีด Botox อาจมีความแตกต่างจากการทำ HIFU เพราะหลังฉีดอาจมีผลข้างเคียงได้บ้าง เช่น อาการปวดบวม มีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด หรือมีอาการปวดศีรษะ ซึ่งอาจปรากฏได้ประมาณ 1 – 2 วัน หลังจากนั้นอาการก็จะหายไปได้เอง และการฉีด Botox Lifting ถึงแม้จะราคาไม่แพงนักแต่ต้องทำบ่อย เพราะผลจะอยู่ได้ไม่นานเท่า HIFU เพราะจริงๆแล้ว Botox ไม่ได้ช่วยกระชับผิว เพียงแต่ออกฤทธิ์ให้กล้ามเนื้อคลายตัว หลังทำอาจจะยังมีปัญหาด้านความหย่อนคล้อยของผิวอยู่

คำถามที่ว่า HIFU กับ Botox จะเลือกทำอะไรดีก็คงหาคำตอบได้ไม่ยากแล้วค่า

สำหรับคนที่มีปัญหาริ้วรอยและต้องการยกกระชับผิวหน้าเพียงแค่ทำความเข้าใจและศึกษาถึงข้อดีข้อเสียของวิธียกกระชับผิวหน้าแต่ละแบบแล้วเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเราหรือสามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราได้ตรงจุดมากที่สุด ก็จะช่วยให้เรามีผิวหน้าเต่งตึงกระชับแลดูอ่อนเยาว์ได้อย่างคุ้มค่า จริงๆแล้ว HIFU กับ Botox สามารถทำร่วมกันได้ จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ท่านไหนที่สนใจก็สามารถเข้ามาปรึกษาฟรีกับแพทย์ที่ลินนาคลินิกก่อนได้นะคะ

รีวิวการทำ HIFU & Botox

สามารถแอดไลน์เพื่อปรึกษาหรือสอบถามโปรโมชั่นพิเศษของทางคลินิก ฟรี เพียง Click ที่ลิ้งค์:

Related Articles

แนะนำ 6 วิธีกระชับรูขุมขนแบบไว เห็นผลจริง แถมหน้าใสขึ้นด้วย

ปัญหารูขุมขนกว้างมักทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนและเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหรือหน้ามันได้ง่าย การกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้นจึงเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ได้ผลเร็วและเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน มาดู 5 วิธีที่ช่วยกระชับรูขุมขนแบบไว พร้อมเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวหน้า 1. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกด้วยโทนเนอร์ที่มีกรดซาลิไซลิก การทำความสะอาดรูขุมขนเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความมันและสิ่งสกปรกที่อุดตัน โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยละลายคราบมันและสิ่งสกปรกในรูขุมขน ลดการเกิดสิว และกระชับรูขุมขนเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง แนะนำให้ใช้หลังจากล้างหน้าเพื่อเตรียมผิวสำหรับการบำรุงขั้นถัดไป นอกจากนี้ยังควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30+ อย่างเป็นประจำ รวมทั้งระมัดระวังในเรื่องของการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA/BHA อีกด้วย เพราะอาจทำให้ผิวแห้งหรือเกิดการระคายเคืองได้ 2. มาสก์โคลนเพื่อดูดซับน้ำมันส่วนเกิน มาสก์โคลนช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูกระชับและผิวหน้าสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ควรใช้มาสก์โคลนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยปล่อยให้มาสก์โคลนแห้งบนผิวหน้า ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนี้มาสก์จะทำหน้าที่ดูดซับน้ำมันและสิ่งสกปรกจากผิวหน้าลงสู่ชั้นล่าง เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามาสก์แห้งและตึงผิว ควรล้างออกด้วยน้ำอุ่น การใช้มาส์กโคลนนั้น นอกจากจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าแล้ว ก็ยังช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น ลดความมันส่วนเกิน ช่วยกระชับรูขุมขน และทำให้ผิวหน้าดูสะอาดสดใสขึ้น 3. การใช้น้ำแข็งประคบผิวหน้าสำหรับการกระชับรูขุมขนทันที วิธีนี้ง่ายและได้ผลทันทีเมื่อคุณต้องการให้ผิวดูกระชับ โดยการนำผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งแล้วประคบเบา ๆ บนผิวหน้า น้ำแข็งจะช่วยหดตัวรูขุมขนชั่วคราว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ก่อนแต่งหน้าเพื่อช่วยให้เมคอัพติดทนนาน

Ultraformer คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ช่วยยกกระชับได้นานถึง 1 ปี จริงไหม

อยากมีผิวสวยกระชับ ดูเต่งตึง ไม่มีริ้วรอยร่องลึกและความเหี่ยวย่นต่างๆ คอยกวนใจแต่ไม่อยากผ่าตัดยกกระชับ ไม่อยากฉีดสารสังเคราะห์ทั้งพวกโบท็อกซ์ (Botox) หรือฟิลเลอร์ (Filler) เข้าสู่ร่างกายทำได้หรือไม่? โจทย์งานผิวจะยากเพียงใดแต่นวัตกรรมยกกระชับผิวอย่าง Ultraformer ก็เอาอยู่ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อผิวยกกระชับ ลดริ้วรอยและกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ๆ ใต้ชั้นผิวได้อย่างดีเยี่ยมโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ภายในครั้งแรกที่ทำ สำหรับใครที่ต้องการยกกระชับผิวให้สวยหล่อดูมั่นใจมากขึ้นและกำลังมีแพลนทำ Ultraformer แต่ยังไม่มั่นใจว่า Ultraformer ดีจริงไหม ราคาเท่าไหร่ หลังทำ Ultraformer ช่วยคงผลลัพธ์ผิวยกกระชับได้นานถึง 1 ปี จริงไหม? มาดูทุกคำตอบไปพร้อมๆ กันได้ในบทความนี้จาก Linna Clinic (ลินนา คลินิก) Table of Contents Ultraformer คืออะไร? Ultraformer (อัลตราฟอร์เมอร์) คือ เทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้ทรงวีเชฟ (V-shape) โดยไม่ต้องผ่าตัดด้วยการยิงคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงและมีความเฉพาะเจาะจงแบบ MMFU (Micro & Macro Focus Ultrasound) เข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังและสามารถลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนบนหรือผิวชั้น SMAS (Superficial Muscular

โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ โหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิง เสริมเสน่ห์ สร้างบารมี ปรับหน้าสวยทั้งทีต้องดีทุกด้าน

โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ความสวยที่ไม่ใช่แค่เพียงถูกหลักความงามทางวิทยาศาสตร์อย่าง Golden Ratio แต่ยังต้องสอดคล้องเข้ากับหลักโหงวเฮ้ง (Mien Shiang) ศาสตร์ของการทำนายทายทักคุณสมบัติและอุปนิสัยของแต่ละบุคคลได้จากลักษณะภายนอก มากไปกว่านั้นคุณผู้หญิงหลายๆ ท่านยังมีความเชื่อว่าโหงวเฮ้งใบหน้าที่ดีจะช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ทำให้ใบหน้าสวยงามน่ามองทั้งยังเป็นการช่วยเติมเต็มพลังบวกดึงดูดแต่เรื่องดีๆ ส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จในหลากหลายด้านของชีวิตไม่ว่าจะเป็นการเงิน การงาน สุขภาพ ความรักและครอบครัว สาวๆ คนไหนที่กำลังศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิง โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ต้องเป็นแบบไหน? ปรับโหงวเฮ้งใบหน้าให้ดีขึ้น ทำได้อย่างไร? ตามมาเสริมพลังความสวยด้วยหลักโหงวเฮ้งใบหน้าในบทความนี้ของลินนา คลินิก (LINNA Clinic) กันได้เลยค่ะ ลักษณะโหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ใบหน้าผู้หญิง ที่ดีต้องเป็นอย่างไร? หากอิงจากตำราความเชื่อของชาวจีนแล้วนั้นลักษณะโหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์ประกอบไปด้วย 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่ หน้าผาก ตา จมูก ปาก และคาง โดยที่ทุกอย่างจะต้องมีสัดส่วนที่สมดุลรับเข้ากันได้อย่างพอเหมาะ ดังนี้ หน้าผาก หน้าผากนับเป็นส่วนที่อยู่ด้านบนสุดของใบหน้าจึงเปรียบเสมือนจุดพลังงานสำคัญที่จะช่วยเสริมโชคชะตา โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ที่บริเวณหน้าผากต้องมีลักษณะกลมมน มีความโหนกนูนในระดับที่พอเหมาะไม่ยกสูงหรือราบเรียบจนเกินไป และที่สำคัญโหงวเฮ้งหน้าผากผู้หญิงที่ดูดี ช่วยเพิ่มบารมี โชคลาภวาสนาจะต้องเป็นหน้าผากที่ดูเกลี้ยงเกลา ไม่มีรอยบุ๋ม ไม่มีรอยแผลเป็นหรือริ้วรอยร่องลึกต่างๆ

Scroll to Top