ทำยังไงดี! กับปัญหารอยตีนกาที่มาเยือนบนใบหน้า

รอยตีนกา หรือ ริ้วรอยหางตา ที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเรานั้นมักเกิดจากการแสดงสีหน้าและการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการหัวเราะ การยิ้ม รวมไปถึงความเครียด ก็เป็นสาเหตุทำให้ใบหน้าของเราเกิดริ้วรอยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหางตาและช่วงระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง เพราะเมื่อนานวันเข้าริ้วรอยเหล่านี้จะค่อย ๆ ชัดและลึกลงเรื่อย ๆ จนทำให้ใบหน้าแก่ก่อนวัยอันควร ทำให้ขาดความมั่นใจ จนไม่กล้าที่จะแสดงออกทางสีหน้า แต่อย่าเพิ่งกังวลใจจนหัวเราะไม่ออก เพราะเดี๋ยวนี้มีวิธีลบรอยตีนกาที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า จะมีวิธีไหนที่ช่วยป้องกันและรักษารอยตีนกาได้บ้าง

1. ดูแลตัวเองก่อนเสมอ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันและรักษารอยตีนกาที่คุณไม่ควรละเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการ

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ทำอารมณ์และจิตใจให้รื่นเริงแจ่มใส
  • ไม่ขยี้ตาหรือถูตาบ่อย ๆ
  • หลีกเลี่ยงมลภาวะเป็นพิษต่าง ๆ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ไม่นอนดึก

2. ทำทรีตเมนต์ นอกจากการดูแลตัวเองแล้วการทำทรีตเมนต์ก็ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน ถ้าคุณไม่ยุ่งมากจนเกินไปนักก็ขอให้ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ซึ่งก็มีอยู่หลายสูตรด้วยกันค่ะ เช่น

  • ออยล์หรือน้ำมัน
  • อะโวคาโดและอัลมอนด์
  • ใบบัวบก
  • แตงกวา
  • ไข่ขาว

3. สครับผิว การสครับผิวเป็นวิธีการกำจัดเซลล์ผิวหนังที่อยู่ชั้นบนที่ตายแล้วออกไป จึงช่วยเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าให้ขึ้นมาแทนที่ รวมทั้งยังช่วยทำให้ริ้วรอยดูจางลงและตื้นขึ้นได้ด้วย

4. ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาเป็นประจำทุกวัน เคล็ดลับลบรอยตีนกาที่หลาย ๆ คนมองข้าม โดยให้คุณเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ อย่างอายครีมที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอน เพราะสามารถช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้นาน ผิวรอบดวงตาของคุณจะดูนุ่มนวล ยืดหยุ่น และมีชีวิตชีวามากขึ้น

5. ฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อ เพื่อให้ยานั้นออกฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อและทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว ผลที่ได้ตามมาก็คือรอยย่นบนผิวหนังซึ่งเกิดจากการดึงรั้งของกล้ามเนื้อนั้น จะค่อย ๆ จางหายไปภายหลังการฉีดประมาณ 2-3 วัน โดยยาจะออกฤทธิ์และให้ผลชัดเจนภายหลังการฉีดไปแล้ว 7 วัน

Before & After

สามารถแอดไลน์เพื่อปรึกษาหรือสอบถามโปรโมชั่นพิเศษของทางคลินิก ฟรี เพียง Click ที่ลิ้งค์:

Related Articles

ภาวะดื้ออินซูลิน คืออะไร? ทำให้เกิดโรคอะไรได้บ้าง มีความเสี่ยงอย่างไร และแก้ไขได้อย่างไร?

เคยไหม? หิวบ่อย รู้สึกอยากของหวาน ทั้งที่เพิ่งรับประทานอาหารไปได้ไม่นาน น้ำหนักตัวขึ้นง่ายแต่ลดยาก หรือผิวพรรณเริ่มเปลี่ยนไปโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณขั้นต้นของ ภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) ปัญหาสุขภาพที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้อีกมากมาย มีคนจำนวนไม่น้อยที่เผชิญกับภาวะดื้ออินซูลินโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากในระยะแรกอาการมักไม่แสดงชัดเจน กว่าจะสังเกตเห็นความผิดปกติ ก็อาจเข้าสู่ระยะที่รุนแรงและจัดการได้ยาก บทความนี้จาก LINNA CLINIC (ลินนา คลินิก) ชวนทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะดื้ออินซูลิน ตั้งแต่สาเหตุ อาการ ผลกระทบต่อร่างกาย และแนวทางรักษาฟื้นฟูภาวะดื้ออินซูลินให้ดีขึ้นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่า ภาวะดื้ออินซูลิน คืออะไร? ภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) คือ ภาวะที่เซลล์ในร่างกาย เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ไขมัน และเซลล์ตับ ตอบสนองต่ออินซูลินได้น้อยลง ส่งผลให้ร่างกายต้องผลิตอินซูลินมากขึ้นเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เมื่อภาวะนี้ดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลานาน ตับอ่อนจะเริ่มทำงานหนักจนเสื่อมสภาพและผลิตอินซูลินได้น้อยลง ระดับน้ำตาลในเลือดจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนำไปสู่การเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 และโรคเรื้อรังอื่นๆ ในอนาคต สาเหตุของภาวะดื้ออินซูลิน ภาวะดื้ออินซูลินอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากภายในร่างกายที่ควบคุมได้ยาก และจากปัจจัยภายนอกที่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อช่วยลดความเสี่ยงได้ โดยมีสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ดังนี้ พันธุกรรม หากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวานชนิดที่

เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ นกเขาไม่ขัน ดีขึ้นได้ ด้วย 5 วิธีนี้ โดยไม่ต้องพึ่งยา

นกเขาไม่ขัน หรือ โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นปัญหาสุขภาพที่คุณผู้ชายหลายคนต้องพบเจอ จากข้อมูลพบว่ามีผู้ชายมากกว่า 152 ล้านคนทั่วโลกที่กำลังประสบกับปัญหานี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุมากขึ้นหรือต้องเจอกับความเครียดในชีวิตประจำวัน ปัญหานกเขาไม่ขันไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย แต่ยังสร้างบาดแผลทางจิตใจ ทำให้เกิดความวิตกกังวล ซึมเศร้าหรือรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ในชีวิตคู่และการวางแผนมีบุตรในอนาคต หากคุณผู้ชายท่านไหนที่กำลังประสบปัญหานกเขาไม่ขัน อวัยวะเพศไม่แข็งตัว และกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูร่างกายโดยไม่ต้องพึ่งพายา บทความนี้จาก LINNA Clinic มีคำตอบ Table of Contents โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ คืออะไร โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ นกเขาไม่ขัน มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction: ED) คือ ภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว หรือไม่สามารถแข็งตัวได้นานพอสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหรือเป็นประจำอย่างต่อเนื่องจนสร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคุณผู้ชายทั้งด้านสุขภาพร่างกายเนื่องจากภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ นกเขาไม่ขัน อาจเป็นสัญญาณขั้นต้นของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานหรือความผิดปกติของฮอร์โมน ด้านอารมณ์และจิตใจ ทำให้คุณผู้ชายรู้สึกอับอาย วิตกกังวลหรือซึมเศร้า อีกทั้งยังส่งผลต่อชีวิตคู่ ทำให้ความสัมพันธ์เกิดความตึงเครียดและเปราะบาง อาการและสาเหตุของโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อาการของโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ นกเขาไม่ขัน อวัยวะเพศไม่แข็งตัว ไม่สามารถทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ หรือแข็งตัวได้ไม่เพียงสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ การแข็งตัวของอวัยวะเพศไม่คงที่ อวัยวะเพศสามารถแข็งตัวได้ในช่วงเริ่มต้นแต่ไม่สามารถรักษาสภาพการแข็งตัวไว้ได้ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติกิจทางเพศ ส่งผลให้ไม่เกิดความพึงพอใจหรือความสำเร็จในการมีเพศสัมพันธ์

Scroll to Top