ฉีดโบท็อก (Botox) เจ็บไหม?

หมอขออธิบายเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก (Botox) โดยทั่วไปแล้วการฉีดโบท็อกไม่ได้เจ็บมากอยู่ในระดับที่ทนได้ การฉีดโบท็อกในแต่ละบริเวณความเจ็บจะแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้หมอจะมีวิธีการบรรเทาความเจ็บต่างๆ  เช่น

  • การประคบน้ำแข็งก่อนฉีดโบท็อกจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว ส่งผลให้เลือดไหลเวียนลดลง จึงทำให้บริเวณที่ประคบเย็นรู้สึกชาและเจ็บน้อยลง
  • ทายาชา บริเวณที่จะฉีดทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จะช่วยลดความเจ็บบริเวณที่ฉีดได้
  • ใช้เข็มขนาดเล็กพิเศษในบางบริเวณ  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เข็มขนาดเล็กพิเศษในการฉีดโบท็อก (Botox) ซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดได้ค่ะ
  • ใช้เครื่อง Vibration หรือเครื่องสั่นสะเทือน สามารถใช้เพื่อเบนความสนใจจากสิ่งเร้าเพื่อลดความเจ็บของคนไข้ค่ะ
  • ฉีดโบท็อก (Botox) ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการโดยไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด

แม้ว่าการฉีดโบท็อก (Botox) จะเจ็บน้อย แต่ความรู้สึกเจ็บก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ด้วย เช่น

  • บริเวณที่ฉีด:การฉีดโบท็อกริ้วรอยมักเจ็บกว่าการกราม เนื่องจากบริเวณที่ฉีดโบท็อกริ้วรอยมักเป็นบริเวณที่บอบบาง เช่น บริเวณริมหน้าผาก เนื่องจากบริเวณที่ฉีดหลายจุดจึงทำให้เจ็บมากกว่า
  • ระดับความอดทนต่อความเจ็บของแต่ละคน: แต่ละคนมีผิวที่บอบบางแตกต่างกันออกไป ความรู้สึกหรือความสามารถที่จะอดทนของแต่ละคนจึงแตกต่างกันออกไปเช่นกันค่ะ

โดยปกติแล้ว อาการเจ็บจากการฉีดโบท็อก (Botox) จะหายไปทันทีหลังจากที่ฉีดโบท็อก (Botox)เสร็จและไม่ต้องใช้เวลารักษาตัวใดๆ หลังจากฉีด สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติค่ะ

Table of Contents

เทคนิคการฉีดของแพทย์ส่งผลต่อความเจ็บไหม

เทคนิคการฉีดของแพทย์ส่งผลต่อความเจ็บปวดจากการฉีดโบท็อก (Botox) ค่อนข้างมาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เทคนิคการฉีดที่แตกต่างกันฉีดอย่างระมัดระวังและอ่อนโยน เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดให้กับคนไข้ค่ะ 

ฉีดโบท็อก (Botox) แต่ละยี่ห้อ ความเจ็บแตกต่างกันไหม

ในมุมมองของหมอโบท็อก (Botox) แต่ละยี่ห้อมีความบริสุทธิ์ใกล้เคียงกัน จึงไม่น่าจะมีผลต่อความเจ็บปวดจากการฉีดมากนัก อย่างไรก็ตามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจเลือกใช้ยี่ห้อและสูตรของโบท็อก(Botox)ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น อาการบวมช้ำ

นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อความเจ็บปวดจากการฉีดโบท็อก (Botox) ได้แก่ บริเวณที่ฉีด     ความอดทนต่อความเจ็บของแต่ละคน และวิธีการฉีดของแพทย์

หากคนไข้มีความกังวลเรื่องความเจ็บปวด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะสามารถแนะนำวิธีการบรรเทาความเจ็บที่เหมาะสมกับคุณได้ค่ะ

เข็มที่ใช้ส่งผลต่อความเจ็บไหม

ขนาดของเข็มส่งผลต่อความเจ็บค่ะ หากหมอเลือกใช้เข็มที่มีขนาดเล็กพิเศษซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าจะส่งผลให้เจ็บน้อยลง และเจ็บน้อยกว่าเข็มที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากเข็มที่มีขนาดเล็กจะทำให้เกิดบาดแผลขนาดเล็กทำให้เจ็บน้อยลง

ความแหลมคมของเข็มส่งผลต่อความเจ็บโดยรวมของการฉีดโบท็อกข็มที่แหลมคมจะแทงผ่านผิวหนังได้ง่ายกว่าเข็มที่ทู้ซึ่งจะทำให้รู้สึกเจ็บน้อยกว่าด้วยค่ะ

หากมีอาการเจ็บควรทำอย่างไร

หากมีอาการเจ็บหลังฉีดโบท็อก(Botox) ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยปกติแล้ว อาการเจ็บจะหายไปภายในไม่กี่นาทีเช่น 

  • อาการเจ็บแบบระบม มักเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังฉีด อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 1-2 วัน
  • อาการเจ็บแบบปวดมาก มักเกิดขึ้นน้อยมาก อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน เช่น การอักเสบ การติดเชื้อ หรืออาการแพ้ยา แนะนำให้พบแพทย์ทันที
  • เมื่อมีอาการเจ็บปวดตึงหลีกเลี่ยงการนวดหลีกเลี่ยงการนวดหน้า การนวดหน้าอาจทำให้โบท็อก(Botox)กระจายตัวไปบริเวณที่ไม่ต้องการ และทำให้ผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่ต้องการเช่นหากไปนวดบริเวณที่สำคัญอาจจะทำให้ตาตกได้ คิ้วตกได้

อย่างไรก็ตามหมอขอฝากคำแนะนำในการดูแลตนเองหลังฉีดโบท็อก (Botox) ดังนี้ค่ะ

  • งดนอนราบหรือก้มหน้าเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการให้น้ำร้อนโดนบริเวณที่ฉีดโบท็อกหรือการเข้าซาวน่าเป็นเวลา 2 สัปดาห์หลังฉีด
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
  • หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดหรือความร้อนจัด ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์

อาการอื่นๆที่เกิดขึ้นได้หลังฉีดโบท็อก (Botox)

  • รอยแดง: บริเวณที่ฉีดอาจเกิดจากเข็มจิ้มลงไปอาการมักจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน
  • บวมช้ำ: อาการบวมช้ำหลังฉีดโบท็อกเป็นอาการที่พบได้บ่อย มักเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังฉีด และอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
  • คลื่นไส้ อาเจียน: อาจเกิดขึ้นได้ในบางคน มักจะหายไปภายใน 1-2 วัน 
  • อาการวิงเวียนศรีษะ: อาจเกิดขึ้นได้กับบางคนและจะหายไปเองค่ะ

หากคนไข้ไม่แน่ใจว่าอาการที่เกิดขึ้นปกติหรือไม่ หมอแนะนำปรึกษาแพทย์ที่ทำการฉีดโบท็อก (Botox) ให้คนไข้ทันทีจะดีที่สุด แพทย์จะสามารถประเมินอาการ ตรวจวินิจฉัย และรักษาได้อย่างตรงจุดและเหมาะสม

หมอขอสรุปว่าการฉีดโบท็อก (Botox) เป็นหัตถการที่ทำง่ายและความเจ็บเกิดขึ้นเพียงแค่ครู่เดียว   และหายไปเองเจ็บน้อยกว่าการกดสิว แพทย์จะมีเทคนิคและวิธีต่างๆ เพื่อช่วยลดความเจ็บลงด้วย ทั้งนี้แนะนำให้เลือกคลินิกที่ใส่ใจและดูแลในเรื่องของการลดความเจ็บลง ที่ลินนาคลินิก (LINNA Clinic) เราคำนึงถึงการใช้เข็มขนาดเล็กพิเศษ เทคนิกการฉีดรวมถึงการใช้ยาชาที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อทำให้การฉีดเจ็บน้อยกว่าทั่วไปแน่นอนค่ะ หากสนใจฉีดโบท็อก (Botox) สามารถเข้ามาปรึกษาที่คลินิกหรือติดต่อได้ที่เบอร์ 063-609-8888 หรือทางไลน์ @linnaclinic ค่ะ

Related Articles

แนะนำ 6 วิธีกระชับรูขุมขนแบบไว เห็นผลจริง แถมหน้าใสขึ้นด้วย

ปัญหารูขุมขนกว้างมักทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนและเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหรือหน้ามันได้ง่าย การกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้นจึงเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ได้ผลเร็วและเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน มาดู 5 วิธีที่ช่วยกระชับรูขุมขนแบบไว พร้อมเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวหน้า 1. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกด้วยโทนเนอร์ที่มีกรดซาลิไซลิก การทำความสะอาดรูขุมขนเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความมันและสิ่งสกปรกที่อุดตัน โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยละลายคราบมันและสิ่งสกปรกในรูขุมขน ลดการเกิดสิว และกระชับรูขุมขนเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง แนะนำให้ใช้หลังจากล้างหน้าเพื่อเตรียมผิวสำหรับการบำรุงขั้นถัดไป นอกจากนี้ยังควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30+ อย่างเป็นประจำ รวมทั้งระมัดระวังในเรื่องของการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA/BHA อีกด้วย เพราะอาจทำให้ผิวแห้งหรือเกิดการระคายเคืองได้ 2. มาสก์โคลนเพื่อดูดซับน้ำมันส่วนเกิน มาสก์โคลนช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูกระชับและผิวหน้าสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ควรใช้มาสก์โคลนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยปล่อยให้มาสก์โคลนแห้งบนผิวหน้า ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนี้มาสก์จะทำหน้าที่ดูดซับน้ำมันและสิ่งสกปรกจากผิวหน้าลงสู่ชั้นล่าง เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามาสก์แห้งและตึงผิว ควรล้างออกด้วยน้ำอุ่น การใช้มาส์กโคลนนั้น นอกจากจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าแล้ว ก็ยังช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น ลดความมันส่วนเกิน ช่วยกระชับรูขุมขน และทำให้ผิวหน้าดูสะอาดสดใสขึ้น 3. การใช้น้ำแข็งประคบผิวหน้าสำหรับการกระชับรูขุมขนทันที วิธีนี้ง่ายและได้ผลทันทีเมื่อคุณต้องการให้ผิวดูกระชับ โดยการนำผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งแล้วประคบเบา ๆ บนผิวหน้า น้ำแข็งจะช่วยหดตัวรูขุมขนชั่วคราว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ก่อนแต่งหน้าเพื่อช่วยให้เมคอัพติดทนนาน

โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ โหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิง เสริมเสน่ห์ สร้างบารมี ปรับหน้าสวยทั้งทีต้องดีทุกด้าน

โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ความสวยที่ไม่ใช่แค่เพียงถูกหลักความงามทางวิทยาศาสตร์อย่าง Golden Ratio แต่ยังต้องสอดคล้องเข้ากับหลักโหงวเฮ้ง (Mien Shiang) ศาสตร์ของการทำนายทายทักคุณสมบัติและอุปนิสัยของแต่ละบุคคลได้จากลักษณะภายนอก มากไปกว่านั้นคุณผู้หญิงหลายๆ ท่านยังมีความเชื่อว่าโหงวเฮ้งใบหน้าที่ดีจะช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ทำให้ใบหน้าสวยงามน่ามองทั้งยังเป็นการช่วยเติมเต็มพลังบวกดึงดูดแต่เรื่องดีๆ ส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จในหลากหลายด้านของชีวิตไม่ว่าจะเป็นการเงิน การงาน สุขภาพ ความรักและครอบครัว สาวๆ คนไหนที่กำลังศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิง โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ต้องเป็นแบบไหน? ปรับโหงวเฮ้งใบหน้าให้ดีขึ้น ทำได้อย่างไร? ตามมาเสริมพลังความสวยด้วยหลักโหงวเฮ้งใบหน้าในบทความนี้ของลินนา คลินิก (LINNA Clinic) กันได้เลยค่ะ ลักษณะโหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ใบหน้าผู้หญิง ที่ดีต้องเป็นอย่างไร? หากอิงจากตำราความเชื่อของชาวจีนแล้วนั้นลักษณะโหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์ประกอบไปด้วย 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่ หน้าผาก ตา จมูก ปาก และคาง โดยที่ทุกอย่างจะต้องมีสัดส่วนที่สมดุลรับเข้ากันได้อย่างพอเหมาะ ดังนี้ หน้าผาก หน้าผากนับเป็นส่วนที่อยู่ด้านบนสุดของใบหน้าจึงเปรียบเสมือนจุดพลังงานสำคัญที่จะช่วยเสริมโชคชะตา โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ที่บริเวณหน้าผากต้องมีลักษณะกลมมน มีความโหนกนูนในระดับที่พอเหมาะไม่ยกสูงหรือราบเรียบจนเกินไป และที่สำคัญโหงวเฮ้งหน้าผากผู้หญิงที่ดูดี ช่วยเพิ่มบารมี โชคลาภวาสนาจะต้องเป็นหน้าผากที่ดูเกลี้ยงเกลา ไม่มีรอยบุ๋ม ไม่มีรอยแผลเป็นหรือริ้วรอยร่องลึกต่างๆ

เทรนด์การฉีดโบท็อก แบบไหนที่นิยมในหมู่ Celeb

ดารา Hollywood เริ่มฉีด เบบี้โบท็อก (Baby Botox) จนเป็นเทรนด์ฮอตฮิตอยู่ตอนนี้ ดาราสาวหลายคนกล่าวว่า รู้สึกว่าการฉีดเทคนิคเบบี้โบท็อก (Baby Botox) เป็นวิธีที่ทำให้มีความอ่อนเยาว์หน้าดูเด็กที่สุดทำให้ดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ Table of Contents เบบี้โบท็อก (Baby Botox) คืออะไร เบบี้โบท็อก (Baby Botox) คือ เทคนิคการฉีดโบท็อก (Botox) แบบใหม่ล่าสุดที่ฮิตมากในหมู่เซเลปคนดังฮอลลีวูดถือเป็นเทคนิคการฉีดโบท็อก (Botox) เพื่อเน้นลดริ้วรอย เช่น รอยย่นบนบริเวณหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว และรอยตีนกา แต่ใบหน้ายังเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ การฉีดโบท็อก (Botox) ในบริเวณรอยลึก สำหรับการฉีดโบท็อก (Botox) ลดริ้วรอยจะเห็นผลชัดเจนในการแก้ปัญหาริ้วรอยตื้นๆ หรือริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น การขมวดคิ้ว การเลิกคิ้ว ริ้วรอยตีนกา การยิ้ม ริ้วรอยร่องแก้ม เป็นต้น แต่ถ้าหากเป็นปัญหาริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากปัญหากระดูกทรุดตัว อาจจะต้องแก้ไขโดยการฉีดฟิลเลอร์หนุนในชั้นผิว เพราะสารเติมเต็มในฟิลเลอร์สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกได้มากกว่าการฉีดโบท็อก (Botox) ลดริ้วรอยค่ะ 3 เทคนิคฉีดโบท็อก (Botox)

Scroll to Top