ข้อดี และข้อเสีย ของ Hifu มีอะไรบ้าง

เมื่อพูดถึงการยกกระชับใบหน้า เพื่อลดความหย่อนคล้อยและเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้า ในปัจจุบันก็จะมีวิธีในการยกกระชับใบหน้าที่หลากหลายและแตกต่างกันไปค่ะ Hifu ก็เป็นอีก 1 วิธีที่ดีที่สุดในการยกกระชับใบหน้าอีกเช่นกัน และยังเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก จากทางการแพทย์ทั่วโลก ในเรื่องของประสิทธิภาพและผลของการรักษา รวมทั้งยังเป็นวิธีที่นิยมเลือกใช้ในการยกกระชับใบหน้า สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย หรือผู้ที่ต้องการจะเพิ่มความกระชับให้กับผิวหน้า เพื่อให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

จากที่เราได้รู้จักกับ Hifu กันแล้วนะคะ ซึ่งวิธีนี้นอกจจากจะช่วยให้ใบหน้าของเรายกกระชับอ่อนเยาว์ขึ้นแล้ว ยังมีข้อดี ข้อเสียที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกวิธียกกระชับใบหน้า สำหรับใครที่กำลังอยากจะยกกระชับใบหน้า แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใช้วิธีไหนที่ดีที่สุด และเหมาะกับเราที่สุด แนะนำให้มารู้จักกับข้อดี และข้อเสียของการทำ Hifu กันก่อนนะคะ เพื่อที่จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาได้ง่ายขึ้น ซึ่งข้อดี และข้อเสียของการทำ Hifu มีดังนี้ค่ะ

Hifu ข้อดีมีอะไรบ้าง

1. มีใบหน้าที่กระชับอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องทนเจ็บ ไม่ต้องใช้เข็ม

ในระหว่างขั้นตอนการทำ Hifu สามารถทำการรักษาได้เลย โดยไม่ต้องมีการใช้เข็ม หรือการฉีดยาชา เพราะการรักษาด้วยเทคนิคการทำ Hifu นั้น จะเป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ ในการช่วยยกกระชับใบหน้าและสลายไขมันส่วนเกินบนใบหน้า ซึ่งจะไม่มีการใช้เข็ม โดยตลอดการรักษานั้น ผู้เข้ารับการรักษาจะรู้สึกสบายผิว ไม่เจ็บ ไม่มีอาการแสบร้อน แต่จะมีความรู้สึกอุ่นๆในบริเวณที่ทำการรักษา ดั้งนั้น Hifu จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เหมาะและดีที่สุด สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยของใบหน้า และอยากมีใบหน้าที่กระชับอ่อนเยาว์ขึ้นแต่ยังกลัวเจ็บ กลัวการใช้เข็ม แนะนำให้เลือกรักษาด้วยการทำ Hifu จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและเหมาะสมมากๆเลยค่ะ

2. มากกว่าแค่การกระชับใบหน้า

การทำ Hifu ไม่ใช่แค่การยกกระชับใบหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ แต่ยังสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆบนบริเวณใบหน้าของเราด้วย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยในส่วนของหน้าผาก ริ้วรอยตีนกา รวมไปถึงริ้วรอยลึกตรงร่องแก้ม นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองให้ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้เรามีผิวหน้าที่สดใสเปล่งปลั่งขึ้นด้วยอีกด้วยนะคะ

3. ลดปัญหาเหนียง คางสองชั้น และทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น

สำหรับใครมีกำลังมีปัญหาเหนียง คางสองชั้น หรือกำลังรู้สึกว่ามีใบหน้าที่ดูใหญ่ ดูบวม หรือเรียกง่ายๆว่าหน้าบาน ตรงนี้อาจเป็นเพราะมีไขมันส่วนเกินใบบริเวณใต้คางและไขมันส่วนเกินบนใบหน้าเยอะเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าของเราดูอ้วนขึ้น และมีบริเณใต้คางหย่อนยาน ทำให้เกิดคางสองชั้น รวมไปถึง อาจทำให้ตรงบริเวณกรามหรือกรอบหน้าดูไม่เท่ากัน ตรงนี้ก็จะเป็นเพราะไขมันในส่วนนั้นมีปริมาณไม่เท่ากัน เมื่อลองมองสังเกตุดูดีๆ ก็อาจจะเห็นได้ว่าตรงบริเวณกรอบหน้าอาจจะดูไม่เท่ากัน ทำให้ใบหน้าดูเอียง จนทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจ วิธีนี้ก็จะสามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้เช่นกันค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยกระชับผิวในส่วนของใบหน้าแล้ว ยังสามารถช่วยลดปัญหาไขมันส่วนเกินตรงบริเวณคาง และกรอบหน้าได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้เรามีใต้คางที่กระชับขึ้น และบริเวณกรอบหน้า ของเราก็จะดูเรียวใบหน้าดูเข้ารูปมากขึ้น ทำให้เรามีความมั่นใจขึ้นอีกครั้ง โดยไม่ต้องกลัวเหนียงโผ่ลและกลับมายิ้มได้แบบไม่ต้องกังวนเรื่องหน้าบาน

4. ไม่มีรอยแดงช้ำ

ถึงแม้ว่าการทำ Hifu นั้น จะเป็นนวัตกรรมการใช้ความร้อนจากคลื่นอันตร้าซาวด์ที่มีพลังงานสูง มาใช้ในการยกกระชับใบหน้า แต่ความร้อนนั้นจะไม่มีผลกระทบต่อผิวหนังชั้นนอกของเราอย่างแน่นอนค่ะดั้งนั้น ผิวหน้าของเราจะไม่มีรอยไหม้ หรือรอยแดงช้ำจากการทำ Hifu ในขณะที่ขั้นตอนการยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีอื่นๆ จะต้องมีการใช้เข็ม ใช้การฉีดยาชา รวมถึงยังมีรอยแดงช้ำตามแนวเข็มในบริวณที่ทำการรักษา

5. ไม่ต้องรอการพักฟื้นนานๆ

หลังจากทำการรักษาเสร็จแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลับบ้านได้เลย รวมถึงยังสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ โดยที่ไม่ต้องรอการพักฟื้น และยังใช้ชีวิติประจำวันได้ตามปกติ ที่สำคัญผู้เข้ารับการรักษาจะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าที่กระชับละอ่อนเยาว์ขึ้นได้ทันที หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการรักษา

Hifu ข้อเสียมีอะไรบ้าง

1. มีอาการเมื่อยหรือตึงที่หน้า

หลังจากทำการรักษาเสร็จแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาจะมีความรู้สึกเมื่อยที่ใบหน้า และจะรู้สึกว่าพื้นผิวในบริเวณที่ทำการรักษานั้นจะตึงขึ้นและดูอิ่มน้ำขึ้นเล็กน้อย แต่อาการนี้จะค่อยๆกลับสู่ภาวะปกติในระยะเวลา 1-2 วัน ซึ่งสามารถทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาได้ค่ะ

2. มีอาการเสียวฟันในบริเวณที่อุด

สำหรับใครที่เคยอุดฟันแล้ว จะมีความรู้สึกเสียวตรงรากฟันในบริเวรที่ทำการอุดฟันนิดหน่อยนะคะ เพราะบริเวณที่ทำการอุดฟันนั้นจะเป็นแหล่งที่ไวต่อความรู้สึกมากๆ จึงทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้ง่ายกว่าปกติ และเมื่อทำการรักษาโดยการปล่อยคลื่นอันตร้าซาวต์ลงไปยังเนื้อเยื้อผิวหนังนั้นจะลงลึกไปถึงบริเวณรากฟันนั้น จึงส่งผลให้มีความรู้สึกเสียวฟันในบริเวณนั้นค่ะ ส่วนใครที่ไม่เคยอุดฟันมาเลย เรื่องนี้ก็ไม่ต้องกงวนค่ะ เพราะจะเกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่เคยอุดฟันมาเท่านั้นนะคะ

ด้วยเหตุผลข้อดี และข้อเสียต่างๆเหล่านี้ จึงทำให้เราปฏิเสธไม่เลยว่า การทำ Hifu นั้น เป็นนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมมากๆสำหรับการยกกระชับใบหน้า ซึ่งมีทั้งข้อดีที่น่าสนใจมากๆเป็นอันดับ 1 และข้อเสียก็ยังเป็นเรื่องที่สามารถรับได้ ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไป ซึ่งถ้าลองเปรียบเทียบกับการยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีอื่นๆแล้ว การทำ Hifu ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดและน่าสนใจมากที่สุดเลยค่ะ

จากที่เราได้รู้กันแล้วนะคะว่า Hifu คืออะไร และมีข้อดี ข้อเสียยังไงบ้าง คงจะสามารถตอบโจทย์ได้สำหรับหลายๆคน ที่อยากมีใบหน้าที่กระชับอ่อนเยาว์ขึ้นโดยที่ไม่ต้องทนเจ็บปวด หรือต้องรอการพักฟื้นนานๆ และถ้าใครที่สนใจอยากยกกระชับใบหน้าด้วยการทำ Hifu แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าตนเอง สามารถเลือกการรักษาด้วยวิธีนี้ได้หรือไม่ แนะนำไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนนะคะ และสำหรับผู้ที่อยู่ในอาการต่อไปนี้ยังไม่แนะนำให้ทำการรักษาด้วยวิธีนี้นะคะ คือ

  1. ผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือ ให้ช่วงนมบุตร (ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษา)
  2. ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบหลอดเลือด หรือการแข็งตัวของเลือด
  3. ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด / ยาต้านการจับตัวเป็นก้อนของเลือด (Anticoagulant)
  4. ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  5. ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเริม
  6. ผู้ที่กำลังเป็นสิวอักเสบบนผิวหน้า

Related Articles

วิธีใช้เครื่อง HIFU ในการยกกระชับใบหน้ามีดังนี้

 ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดและแห้ง ทาเจลหล่อลื่นบนใบหน้าบริเวณที่ต้องการทำ HIFU เลือกหัวยิงให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการทำ HIFU วางหัวยิงบนใบหน้าและกดปุ่มเพื่อเริ่มทำ HIFU เคลื่อนหัวยิงไปตามบริเวณที่ต้องการทำ HIFU โดยกดปุ่มยิงแต่ละจุดค้างไว้จนกว่าเสียงติ๊ดจะดังขึ้น ทำซ้ำขั้นตอน 5-6 กับบริเวณอื่น ๆ ที่ต้องการทำ HIFU ระยะเวลาในการทำ HIFU ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและระดับความลึกที่ต้องการยิง โดยปกติจะใช้เวลาแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที หากทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา หลังทำ HIFU อาจจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน ผลลัพธ์ของการยกกระชับใบหน้าจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นภายใน 1-3 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน  Table of Contents ข้อควรระวังในการทำ HIFU ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีแผลเปิดหรืออักเสบ ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีโลหะฝังอยู่

ไฮฟู (Hifu) ยกกระชับผิว

ไฮฟู (Hi-Fu) คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัด โดยใช้คลื่นเสียงความเข้มข้นสูง (HIFU) ส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึก (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่รองรับผิวหน้า พลังงานความร้อนนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น ริ้วรอยตื้นๆ จางลง และผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น Table of Contents ขั้นตอนการทำไฮฟู ทำความสะอาดผิวหน้าและทายาชา (หากต้องการ) ทาเจลเย็นบริเวณที่จะทำไฮฟูเพื่อปกป้องผิว แพทย์จะใช้หัวเครื่องไฮฟูจ่อไปที่บริเวณที่ต้องการรักษา แพทย์จะปล่อยพลังงานความร้อนจากเครื่องไฮฟูไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึก การทำไฮฟูโดยปกติจะแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที หากทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา ผลลัพธ์ของการทำไฮฟู ผลลัพธ์ของการทำไฮฟูจะเริ่มเห็นผลชัดเจน 1-3 เดือน อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ สภาพผิว และความลึกของริ้วรอย โดยทั่วไปแล้ว การทำไฮฟูสามารถช่วยลดริ้วรอยตื้นๆ ได้ถึง 50% และช่วยลดริ้วรอยลึกได้ถึง 30% นอกจากนี้ การทำไฮฟูยังสามารถช่วยยกกระชับผิวหน้า

วิธีใช้เครื่อง HIFU ในการยกกระชับใบหน้า

 ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดและแห้ง ทาเจลหล่อลื่นบนใบหน้าบริเวณที่ต้องการทำ HIFU เลือกหัวยิงให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการทำ HIFU วางหัวยิงบนใบหน้าและกดปุ่มเพื่อเริ่มทำ HIFU เคลื่อนหัวยิงไปตามบริเวณที่ต้องการทำ HIFU โดยกดปุ่มยิงแต่ละจุดค้างไว้จนกว่าเสียงติ๊ดจะดังขึ้น ทำซ้ำขั้นตอน 5-6 กับบริเวณอื่น ๆ ที่ต้องการทำ HIFU ระยะเวลาในการทำ HIFU ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและระดับความลึกที่ต้องการยิง โดยปกติจะใช้เวลาแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที แต่การทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา หลังทำ HIFU บางท่านอาจจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน ผลลัพธ์ของการยกกระชับใบหน้าจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นภายใน 1-3 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน Table of Contents ข้อควรระวังในการทำ HIFU ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีแผลเปิดหรืออักเสบ ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีโลหะฝังอยู่

Scroll to Top